ในสัปดาห์ประวัติศาสตร์ที่มีการเปิดเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจหลากหลายรายการรวมถึงความสำเร็จทางเทคโนโลยี เริ่มต้นกันที่ตลาดหุ้นที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น นั่นคือดัชนี S&P 500 สามารถพุ่งทะยานเหนือระดับ 5,000 จุดได้เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นผลมาจากข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุด, ผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นที่เริ่มฟื้นตัว และตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาสวยงามส่งผลให้ตลาดพุ่งขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ทางฝั่ง Nasdaq Composite ก็ปรับตัวขึ้นได้อย่างน่าประทับใจ แต่ในส่วนของ Dow Jones กลับมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงมุมมองต่อตลาดที่ถึงจะมีแนวโน้มในทางบวกแต่ก็มีความซับซ้อน ขณะที่นักลงทุนประเมินสัญญาณต่างๆ ที่เกิดขึ้น เสน่ห์ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงการคาดการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจในอนาคตกลายเป็นจุดสำคัญที่นักลงทุนต่างให้ความสนใจต่อตลาดที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าสู่ดินแดนที่ยังไม่เคยมีใครรู้จัก


สรุปประเด็นที่ควรจับตา:

ดัชนี S&P 500 พุ่งทะลุระดับ 5,000 จุด เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์: ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นไปแตะที่ 5,026.61 หรือปรับเพิ่มขึ้น 0.57% ถือเป็นการปิดตลาดเหนือระดับ 5,000 จุด เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ สะท้อนให้เห็นถึงตลาดที่ได้รับอานิสงส์จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งและการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจที่สดใส
ดัชนี Nasdaq Composite พุ่งขึ้นตามหุ้นเทคโนโลยี: Nasdaq พุ่งทะยานขึ้น 1.25% ปิดที่ระดับ 15,990.66 จุด โดยได้รับอานิสงส์จากหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ (mega-cap) ที่มีการซื้อขายอย่างคึกคัก เช่น หุ้น Nvidia ที่พุ่งขึ้น 3.6% และหุ้น Alphabet เพิ่มขึ้น 2%
Dow Jones ปรับตัวลดลงเล็กน้อย: ดัชนี Dow Jones Industrial Average ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 54.64 จุด หรือ 0.14% ลงมาปิดตลาดที่ 38,671.69 จุด สะท้อนให้เห็นถึงการตอบสนองอย่างระมัดระวังของตลาด ต่อสัญญาณเศรษฐกิจที่หลากหลาย
ตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดค่อนข้างเป็นไปในเชิงบวก: ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธันวาคมที่มีการปรับปรุงล่าสุดจาก 0.3% ลงเหลือ 0.2% ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของตลาด ส่งผลให้บรรยากาศตลาดเป็นไปในเชิงบวกก่อนการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเดือนมกราคม
ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย: ตลาดหุ้นในยุโรปปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาด้วยการปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยดัชนี Stoxx 600 ปรับลดลง 0.08% ส่วนดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นปิดตลาดด้วยการพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 34 ปี ซึ่งความเคลื่อนไหวที่แตกต่างกันของตลาดหุ้นทั่วโลกสะท้อนให้เห็นถึงปฏิกิริยาที่หลากหลายของนักลงทุน ต่อข้อมูลเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัท
นักลงทุนจับตาการขายหุ้น Amazon: นาย Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ขายหุ้น Amazon มูลค่าประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามแผนการซื้อขายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งการขายหุ้นครั้งนี้สร้างความสนใจให้กับตลาด และสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวอย่างต่อเนื่องของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่


FX วันนี้

คู่เงิน EUR/USD ขยับขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางความหวังของการฟื้นตัว: คู่เงิน EUR/USD ขยับขึ้นเล็กน้อยแตะระดับใกล้กับ 1.0800 ซึ่งถือเป็นการฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดของสัปดาห์ที่ 1.0725 อย่างไรก็ตาม คู่เงิน EUR/USD ยังคงปิดตลาดต่ำกว่าระดับ 1.0800 ซึ่งบ่งชี้ถึงความท้าทายที่ยังคงมีอยู่ ถึงแม้จะมีการฟื้นตัวขึ้นมาบ้างก็ตาม แต่แนวโน้มขาลงยังคงมีอยู่ โดยคู่เงิน EUR/USD ยังอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดในช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ 1.1140
GBP/USD แข็งค่า ขานรับตัวเลขเศรษฐกิจอังกฤษที่สดใส: คู่เงิน GBP/USD พุ่งแตะระดับ 1.2692 หรือปรับตัวสูงขึ้น 0.24% โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหราชอาณาจักร ซึ่งการแข็งค่าของเงินปอนด์ท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาดโลก สะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกของนักลงทุนต่อศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจอังกฤษ โดยในทางเทคนิค คู่เงิน GBP/USD กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่างแนวรับสำคัญและจุด high ของรอบที่เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนธันวาคม
CAD เคลื่อนไหวผันผวนเมื่อเทียบกับ USD: ค่าเงินดอลลาร์แคนาดาเผชิญกับความผันผวน โดยคู่เงิน USD/CAD เคลื่อนไหวจากจุดต่ำสุดที่ 1.3413 ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 1.3480 หรือคิดเป็นการฟื้นตัวถึง 0.5% จากจุดต่ำสุดไปถึงจุดสูงสุดในวันศุกร์ ซึ่งสัญญาณนี้แสดงให้เห็นถึงแรงกดดันในระยะสั้น แต่แฝงด้วยไปด้วยแนวโน้มในเชิงบวกของดอลลาร์แคนาดาที่อาจมีโอกาสแข็งค่าขึ้นไปแตะระดับ 1.3900 ดังที่เคยทำได้ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลกระทบ9jvราคาน้ำมันดิบ: ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 0.25% อยู่ที่ 76.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นในตะวันออกกลาง และการหดตัวของการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ โดยราคาน้ำมันเคลื่อนไหวอยู่บริเวณเส้น SMA 200 วัน ที่ 77.29 ดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นระดับปานกลาง แต่แฝงไปด้วยความระมัดระวังของนักลงทุนที่มีต่อสินค้าโภคภัณฑ์ในกลุ่มพลังงาน
ราคาทองคำอ่อนตัวลงก่อนการเปิดเผยตัวเลข CPI: ราคาทองคำ (XAU/USD) ร่วงลงแตะระดับ $2,025 หรือลดลง 0.40% ท่ามกลางบรรยากาศการรอคอยข้อมูลดัชนี CPI ที่จะประกาศในเร็วๆ นี้ แม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยในสัปดาห์นี้ แต่ตลาดทองคำเริ่มมีสัญญาณของการทรงตัวบริเวณเส้น SMA 50 วัน โดยมีแนวต้านบริเวณ $2,065 และแนวรับบริเวณ $2,005 สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุน
GBP/JPY อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น: คู่เงิน GBP/JPY ยังคงรักษาความเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแนวรับอยู่บริเวณ 188.50 หลังฟื้นตัวจากระดับ 186.20 ในช่วงต้นสัปดาห์ แม้จะต้องเผชิญกับแนวต้านบริเวณ 189.00 แต่การเคลื่อนไหวของคู่เงินก็บ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากฐานที่มั่นคงเหนือเส้น SMA 200 วัน

ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น

กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์พุ่งทะยาน: หุ้นของ Applied Materials (AMAT) พุ่งขึ้นมากกว่า 6% สะท้อนถึงการเป็นผู้นำของหุ้นที่อยู่ในดัชนี S&P 500 และ Nasdaq 100 ตามมาด้วยหุ้น Lam Research (LRCX) และ KLA Corp (KLAC) ที่พุ่งขึ้นมากกว่า 5% และ 4% ตามลำดับ นอกจากนี้ หุ้น Nvidia (NVDA) ยังพุ่งขึ้นมากกว่า 3%ในขณะที่หุ้น ASML Holding NV (ASML) และ NXP Semiconductors NV (NXPI) พุ่งขึ้นมากกว่า 2% ส่วนหุ้น Intel (INTC) ยังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 1% สะท้อนให้เห็นถึงโมเมนตัมที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
หุ้นกลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ: โดยหุ้นของ Cloudflare (NET) เป็นผู้นำในการพุ่งทะยานของกลุ่มซอฟต์แวร์ด้วยการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 19% หลังรายงานรายได้ไตรมาส 4 ที่ 362.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 353.8 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยหุ้น MongoDB (MDB) และ Fortinet (FTNT) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 5% และ 4% ตามลำดับ ในขณะที่หุ้น Atlassian Corp (TEAM) และ Datadog (DDOG) ก็ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2%
หุ้นกลุ่มความปลอดภัยไซเบอร์พุ่งแรง: กลุ่มความปลอดภัยไซเบอร์มีการซื้อขายกันอย่างคึกคัก โดยหุ้น Crowdstrike Holdings (CRWD), Palo Alto Networks (PANW), SentinelOne (S), Gen Digital (GEN) และ Zscaler (ZS) พุ่งขึ้นกว่า 2% สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพการเติบโตของธุรกิจความปลอดภัยไซเบอร์
FirstEnergy รายได้ดีเกินคาด: FirstEnergy (FE) บริษัทพลังงานชั้นนำของอเมริกา ปิดตลาดด้วยการพุ่งทะยานกว่า 4% จากผลประกอบการไตรมาส 4 ที่ดีเกินคาด โดยมีรายได้อยู่ที่ 3.20 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.97 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ FirstEnergy
Masonite International ถูกเทกโอเวอร์: หุ้นของ Masonite International (DOOR) บริษัทผู้ผลิตประตูและระบบประตูชั้นนำ พุ่งขึ้นถึง 35% หลังมีการประกาศเข้าซื้อกิจการมูลค่า 3.9 พันล้านดอลลาร์โดย Owens Corning
นักวิเคราะห์ยังเชื่อมั่นในหุ้น FleetCor Technologies: หุ้น FleetCor Technologies (FLT) พุ่งกว่า 3% จากการที่นักวิเคราะห์ได้ปรับเป้าหมายราคาขึ้นโดยเฉลี่ย 7.5% สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจต่อศักยภาพการเติบโตในอนาคตของบริษัท
ความเคลื่อนไหวสำคัญในหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและสุขภาพ: หุ้น Expedia Group (EXPE) ราคาหุ้นร่วงลงอย่างรุนแรงกว่า 17% หลังเปิดเผยยอดการจองในไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 21.67 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 22 พันล้านดอลลาร์ เช่นเดียวกับ Take-Two Interactive Software (TTWO) และ Pinterest (PINS) ที่ราคาหุ้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญมากกว่า 8% และ 9% ตามลำดับ เนื่องมาจากแนวโน้มผลประกอบการที่ไม่ดี ในทางตรงกันข้าม Estee Lauder (EL) และ Boyd Gaming (BYD) ปรับตัวสูงขึ้น โดย Estee Lauder ปรับตัวขึ้นกว่า 1% และ Boyd Gaming ก็ปรับขึ้นกว่า 1% เช่นกัน หลังจากรายงานรายได้ที่แข็งแกร่ง 954.4 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 930.3 ล้านดอลลาร์
ภาพรวมของตลาดการเงินได้แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างความยืดหยุ่น นวัตกรรม และความหวังที่เจือด้วยความระแวดระวัง โดยดัชนี S&P 500 พุ่งทะยานทะลุระดับ 5,000 จุด ไม่เพียงแสดงถึงความแข็งแกร่งของตลาด แต่ยังเน้นย้ำถึงความสมดุลที่ซับซ้อนของแรงต่างๆ ที่หล่อหลอม ความเชื่อมั่นของนักลงทุน จากการพุ่งขึ้นอย่างคึกคักของหุ้นเทคโนโลยี ไปจนถึงพลวัตของสินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงิน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดโลกกำลังมาถึงทางแยก ทั้งความซับซ้อนของตัวชี้วัดเศรษฐกิจ, ผลประกอบการของบริษัท และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์ต่างรอคอยข้อมูลทางเศรษฐกิจ และติดตามการตัดสินใจด้านนโยบายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ